top of page

แรงบรรดาลใจ

 "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาผู้จะพึงพยาบาลพวกเธอก็ไม่มี.  ถ้าเธอไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพยาบาลเรา ก็พึงพยาลภิกษุไข้เถิด. ถ้ามีอุปัชฌายะ อุปัชฌายะพึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย ถ้ามีอาจารย์ อาจารย์พึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย.  ถ้ามีสัทธิวิหาริก สัทธิวิหาริกพึงพบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย 
ถ้ามีอันเตวาสิก อันเตวาสิกพึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย.  ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะพึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย  ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอาจารย์  ภิกษุผู้ร่วมอาจารย์พึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย. ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ผู้ร่วมอุปัชฌายะ หรือผู้ร่วมอาจารย์ สงฆ์พึงพยาบาลเธอ. ถ้าไม่พยาบาลต้องอาบัติทุกกฏ(๒)."


จากพระพุทธดำรัสอันทรงพลังบทนี้ ทำให้เกิดความคิดขึ้นว่า พระธรรมทูตประมาณ ๖๐๐ รูปที่ปฏิบัติศาสนกิจด้วยการเสียสละทุ่มเทงานพระศาสนาต่อสู่กับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากประเทศไทยอยู่เกือบทุกรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา เวลามีปัญหาเรื่องสุขภาพไม่มีโรงพยาบาลสงฆ์ในการดูแลรักษา ไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้องที่จะคอยช่วยเหลือ ค่ารักษาพยาบาลก็จะเสียค่าใช้จ่ายมาก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่พุทธบริษัทโดยเฉพาะอุบาสก อุบาสิกาที่สามารถทำอะไรได้บ้าง เป็นแรงบันดาลใจจากจุดนี้เอง ทันตแพทย์ เอกพจน์ ทองอินทร์

คุณฐิติพร แช่มจันทร์ ประกาศเจตนารมให้คณะสงฆ์พระธรรมทูตได้ทราบที่จะให้บริการด้านทันตกรรมแก่พระธรรมทูตที่ปฏิบัติศาสนกิจในรัฐวอชิงตัน รัฐอื่นๆ และคณะสงฆ์ที่เดินทางจากประเทศไทย TLC คือคลีนิกหมอฟันสาขาแรก หลังจากนั้นก็ได้ขยายอีกสามสาขาในชื่อใหม่ว่า 8 to 8 โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ปฏิบัติเช่นนี้อยู่หลายปี

ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เปิดกองทุนให้ชื่อว่า สร้างบุญ หนุนบารมี จัดทั้งกองทุนภิกษุอาพาธ โดยประสานกับพระเดชพระคุณพระวิเทศสิทธิธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดอตัมมยตาราม รัฐวอชิงตัน รองประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เมื่อทราบข่าวพระธรรมทูตอาพาธ หรือมรณภาพ ก็ได้จัดส่งถวายตามกำลังเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ยังได้พูดถึงความมั่นคงของกองทุนจึงได้ปรึกษากันว่า ควรจะได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏระเบียบของรัฐวอชิงตัน จึงได้ว่าจ้างทนายดำเนินการ ในชื่อใหม่ว่า Boon Bharami Buddhist Foundation โดยมีเจตนาครอบครุมถึงพระธรรมทูตอาพาธ พระธรรมทูตมรณภาพ ตลอดถึงงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา หลังจากคุณแม่เจียม เรืองพุทธ โยมมารดาของท่านเจ้าคุณเสียชีวิตลง ในปีพุทธศักราช 2564 จึงได้ร่วบรวมประสบการณ์ในการจัดงานบำเพ็ญกุศลในฐานะพระธรรมทูต จึงได้ข้อคิดถึงพระธรรมทูตที่ปฏิบัติงานพระศาสนาในอเมริกา หรือทั่วโลก ที่ทำงานพระศาสนาอย่างทุ่มเททั้งชีวิต เปรียบเสมือนข้าราชการถือหนังสือเดินทางราชการ เมื่อบุพพการี ป่วย หรือเสียชีวิต ถ้าเป็นข้าราชการในส่วนอื่นก็จะมีสิทธิในการเบิกค่าใช้จ่ายได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่พระธรรมทูตกลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย จึงได้ปรึกษากับคุณฐิติพร แช่มจันทร์ ว่ากองทุนที่จดทะเบียนใหม่นี้ขอให้ขยายผลไปถึงบุพพการี คือพ่อ แม่ ของพระธรรมทูตที่เสียชีวิตด้วย 
ด้วยเหตุผลที่ว่ามาจึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้เกิดกองทุนภิกษุอาพาธ ขึ้น และจะดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ต่อไป

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า: 
“ โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย ”
" ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงอุปัฏฐากภิกษุอาพาธเถิด "

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "การดูแล และอุปัฏฐากพระภิกษุไข้ (เจ็บไข้ได้ป่วย) อานิสงส์เท่ากับได้อุปัฏฐากเราตถาคต"

  • Facebook
  • YouTube

All rights reserved © 2023 Boon&Parami Buddhist Foundation

bottom of page